9 รอยร้าว เช็คให้ดีก่อนเกิดปัญหาใหญ่
รอยแตกร้าวเกือบทุกบ้านที่ประสบปัญหานี้ ไม่ว่าจะเป็นบ้านเก่าที่อยู่มานาน หรือบ้านใหม่ที่อยู่มา 2-3 ปี ก็เจอรอยแตกร้าวได้เหมือนกัน อาจเกิดจากโครงสร้างชองบ้านหรือปัจจัยต่าง ๆ ที่ทำให้เกิดปัญหา เมื่อประสบปัญหาเราจึงควรเร่งหาวิธีแก้ไข หากปล่อยทิ้งไว้นานอาจเกิดปัญหาที่ใหญ่กว่ารอยแตกร้าวได้ ดังนั้นการซ่อมรอยแตกร้าวที่เป็นรอยเล็กหรือรอยใหญ่ก็ไม่ควรมองข้ามทั้งนั้น จึงจำเป็นต้องหาวิธีซ่อมบำรุงที่ถูกต้องและตรงจุดให้มากที่สุด หรือถ้าเกิดปัญหาที่ใหญ่มากเกินกว่าที่เราจะซ่อมบำรุงได้ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเป็นการดีที่สุด
การซ่อมบำรุงรอยแตกร้าวไม่ยากแบบที่คิด เพียงทราบว่าเกิดขึ้นตรงไหน มีความลึกเท่าไหร่ มีความกว้างเท่าไหร่ ขั้นตอนที่สำคัญอีก 1 ขั้นตอนที่คนมองข้าม คือ การเปิดปากแผล และทำความสะอาดบริเวณที่จะซ่อม ห้ามมองข้ามขั้นตอนนี้เด็ดขาด เพราะถ้าหากในรอยร้าวมีคราบสกปรกและฝุ่นต่าง ๆ อาจทำให้การยึดเกาะของตัวที่สมานรอยแตกร้าวเสื่อมประสิทธิภาพลดลง
9 รอยร้าวยอดฮิตวันนี้เราจะมาแก้ไขกัน
1. รอยร้าวบนเสาที่มีลักษณะเป็นเส้นแนวนอน ซึ่งบางบ้านจะเห็นเป็นเพียงรอยแนวราบเพียงไม่กี่เส้น แต่บางบ้านก็จะเห็นเป็นเส้นแนวราบหลายๆ เส้น ซึ่งเกิดจากตัวเสาแอ่นตัว เพราะฐานรากที่รองรับเสาแต่ละต้นทรุดตัวไม่เท่ากัน ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญและแก้ไข ก่อนจะลุกลามจนกลายเป็นการดึงตัวบ้านทั้งหลัง
3. รอยแตกร้าวลึกบริเวณเสา ลักษณะของรอยร้าวนี้ จะแตกต่างจาก 2 รอยร้าวแรกที่กล่าวถึง โดยจะเห็นรอยแตกร้าวของเสาจนเสียรูปทรงที่ชัดเจน และส่วนใหญ่จะมีเนื้อคอนกรีตกะเทาะออกมา ซึ่งเกิดจากเสารับน้ำหนักมากเกินกว่าที่คำนวณไว้ หรือใช้งานอาคารผิดประเภท โดยหากเกิดรอยร้าวลักษณะนี้ ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ เพื่อเร่งแก้ไขโดยด่วน จนที่จะเกิดอันตรายรุนแรง
4. รอยร้าวแนวนอนบริเวณผนังใต้ท้องคาน ลักษณะของรอยร้าวนี้ จะมีสาเหตุที่คล้ายกับรอยร้าวแนวดิ่งบริเวณข้างเสาบ้าน นั่นก็คือ เกิดจากการยืดหดตัวของปูนเมื่ออุณหภูมิเปลี่ยนแปลง จนทำให้เกิดการแตกร้าว หากความลึกของรอยร้าวไม่เกินความหนาของบัตรประชาชน ยังถือว่าไม่เป็นอันตราย และแก้ไขได้เอง แต่หากความลึกของรอยร้าวมากกว่านั้น ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ ก่อนบานปลายเช่นกัน
5. รอยร้าวแนวดิ่งบริเวณกลางผนัง ลักษณะรอยร้าวนี้ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นตรงกึ่งกลางผนังจากด้านบนเป็นแนวดิ่งลงมา ซึ่งอาจเป็นเพราะคานรับน้ำหนักจากชั้นบนมากเกินไป หรือคานของตัวบ้านถูกออกแบบมาให้รับน้ำหนักได้น้อยเกินกว่าที่เราประเมินไว้ ดังนั้น การแก้ปัญหาเบื้องต้นจึงควรย้ายของจากชั้นบน แล้วเร่งแก้ไขรอยร้าวเหล่านี้ก่อน เพื่อป้องกันการแตกร้าวที่เพิ่มขึ้น ส่วนการแก้ปัญหาระยะยาว อาจปรึกษาผู้เชี่ยวชาญในการเสริมคานให้แข็งแรงขึ้น หรือปรับเปลี่ยนที่เก็บของที่มีน้ำหนักมาไว้ชั้นล่าง เพื่อไม่ต้องให้คานรับน้ำหนักมากเกินไป
6. รอยร้าวแนวดิ่งกลางคาน ลักษณะของรอยร้าวกลางคาน ที่เป็นรอยแตกเป็นแนวดิ่งตั้งแต่ตัวคาน ถือเป็นรอยร้าวชนิดอันตราย เพราะมีโอกาสที่ตัวบ้านจะแยกออกจากกันได้ ซึ่งเป็นผลจากการที่คานรับน้ำหนักมากไป ต้องเร่งให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบ
7.รอยร้าวบนพื้น ลักษณะรอยร้าวที่เป็นแนวยาวบนพื้นขนานไปกับผนัง ถือเป็นรอยร้าวที่เป็นอันตรายต่อโครงสร้างของตัวบ้าน โดยส่วนใหญ่เกิดจากการทรุดตัวของฐานรากที่ไม่เท่ากัน หรือชั้นดินทรุดในปริมาณมาก ทำให้เสาเข็มฝั่งที่ไม่ได้ทรุดตัวถูกฝั่งทรุดตัวดึงจากตำแหน่งเดิม (ถ้าเกิดรอยแตกร้าวลักษณะนี้บริเวณฝั่งใด แสดงว่าเกิดการทรุดตัวของฐานรากฝั่งตรงข้าม) ซึ่งเจ้าของบ้านต้องปรึกษาผู้เชี่ยวชาญโดยเร็ว
8.รอยร้าวแนวเฉียงบริเวณปลายคานไปยังหัวเสาลักษณะรอยร้าวบริเวณปลายคานในแนวเฉียงยังหัวเสา จัดเป็นชนิดรอยร้าวที่อันตรายร้ายแรงมาก ซึ่งเกิดจากคานรับน้ำหนักมากเกินไป เสี่ยงต่อการถล่มลงมา หากผู้อยู่อาศัยพบเห็นรอยร้าวลักษณะนี้ ควรเร่งปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ และเบื้องต้นแนะนำให้ย้ายออกชั่วคราว และกลับเข้ามาอาศัยอีกครั้งเมื่อแก้ไขเสร็จแล้ว
9. รอยร้าวผนังแนวเฉียง ลักษณะรอยร้าวที่เกิดจากบนลงล่างในแนวเฉียงทแยงมุม ก็เป็นรอยร้าวอันตรายเช่นกัน โดยเกิดจากการทรุดตัวของฐานรากที่ไม่เท่ากัน หรือการต่อเติมอาคารแบบผิดๆ จนกระทบถึงตัวโครงสร้างบ้าน และมีการดึงกันระหว่างโครงการสร้างเดิมกับโครงสร้างใหม่ จนทำให้เกิดรอยฉีกระหว่างกัน ซึ่งควรเร่งปรึกษาผู้เชี่ยวชาญหาทางแก้ไข