15.วอลเปเปอร์ ช่วยสร้างจินตนาการ กับห้องนอนสุดโปรด วอลเปเปอร์แบบชิคๆ หรืออาจหาภาพที่เป็นจินตนการแบบที่กำลังอยู่ในโลกแห่งความฝัน ซึ่ง วอลเปเปอร์จะทำให้คุณมีฝันที่เป็นจริงได้เช่นกันจากภาพ

การทาสีผนัง
ความหมายของการทาสีผนัง
การรักษาบ้านให้ดูใหม่อยู่เสมอไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแต่รู้วิธีอย่างเช่น การเปลี่ยนสีสันของบ้านหรือเปลี่ยนเครื่องใช้เฟอร์นิเจอร์ ก็ทำให้บ้านดูสวยได้แล้ว เรามีคำแนะนำ 9 ข้อที่น่ารู้ในการทาสีให้ดูสดใสโดดเด่น...
1. เตรียมงบประมาณ อย่างแรกต้องคำนึงถึง เงิน ที่เราสามารถใช้จ่าย ว่าเรามีงบประมาณอยู่เท่าไหร่ซึ่งจะต้องรวมทั้ง
ค่าสี ค่าช่างทาสี รวมถึงอุปกรณ์ต่าง ๆ
2. ถามผู้เชี่ยวชาญ ในการทาสีบ้านเราต้องรู้ว่าเราจะทาสีลงบนพื้นผิวประเภทใด ผิวปูน หรือ ผิวไม้ ใช้ทาสีภายในหรือภายนอก หากเราไม่แน่ใจว่าจะใช้ ว่าจะใช้สีอะไรดี ควรจะปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ สถาปนิก หรือช่างทาสี ซึ่งจะมีคำแนะนำดี ๆ ในการใช้สีให้ถูกประเภท และลักษณะการใช้งาน
3. เลือกสี เมื่อสอบถามผู้เชี่ยวชาญจนแน่ใจในเรื่องการใช้สีให้ถูกต้องแล้ว เลือกสีที่ตัวเองชอบ ยิ่งเป็นสีทาภายในควรให้กลมกลืนกับขอบประตู-หน้าต่าง และถ้าพื้นผิวภายนอกเป็นปูนควรเลือกใช้สีที่มีคุณภาพสูงที่สามารถยืดอายุการใช้งาน
ให้นานปกป้องสีบ้านจากการซีดจางที่เกิดจากแสงแดด ทนทานต่อสภาวะอากาศต่อต้านการเกิดเชื้อรา ตะไคร่น้ำ รวมทั้งไม่จับฝุ่นซึ่งจะทำความสะอาดได้ง่าย
4. เตรียมพื้นผิว ก่อนจะลงมือทาสีควร ทำความสะอาดฝุ่นละออง และใช้แปรงแซะสีเก่าที่หลุดลอกออกเช็ดให้สะอาด แล้วปล่อยให้แห้งสนิท การเตรียมพื้นผิวที่ถูกต้องจะช่วยให้สีที่ทาติดนานยิ่งขึ้น
5. ทาสีรองพื้น การทาสีรองพื้นรก่อนจะช่วยยึดเกาะกับผนังได้ดีไม่หลุดออกง่าย ๆ เลือกสีรองพื้นชนิดที่เหมาะสมกับสภาพพื้นผิว เพราะสีรองพื้นสำหรับพื้นที่ยังไม่เคยทาสีมาก่อน ควรใช้สีรองพื้นที่สามารถป้องกันด่าง
หรือการใช้สีรองพื้นสำหรับพื้นผิวเนื้ออ่อน และไม้เนื้อแข็งที่อาจมียางซึม ออกมาได้ ควรทาสีรองพื้นที่สามารถกันยางและเชื้อรา
6. อุปกรณ์ทาสี แปรงทาสี และลูกกลิ้งมีความแตกต่างกัน แปรงทาสีสามารถ เข้าได้ทุกซอกมุมของพื้นที่ที่ต้องการทา จึงเหมาะกับในกรณีที่เตรียมพื้นผิว แบบหยาบ ๆ หรือผิวที่ไม่เรียบ การใช้แปรงทาจะทำให้สีสัมผัสกับผิวผนัง
ในซอกมุมต่าง ๆ ได้ดี ลูกกลิ้งเหมาะสำหรับการทาในพื้นที่กว้าง ๆ ซึ่งสามารถทำให้การทาสีทำได้เร็วกว่า แต่ลูกกลิ้งจะใช้ปริมาณมากกว่าการทาด้วยแปรง
7. อุปกรณ์จำเป็นอื่น ๆ สิ่งที่ลืมไม่ได้เลยคือผ้าปูผื้นกันเปื้อนเพื่อป้องกันสี กระเด็นหรือตกหล่นพื้น บันได้สำหรับทาที่สูงและเพดาน ถาดผสมสี และ อุปกรณ์ทำความสะอาดต่าง ๆ
8. เก็บรายละเอียด เมื่อทาเสร็จแล้ว ควรตรวจสอบหาข้อบกพร่อง เช่น สีที่ทาอาจจะไม่สม่ำเสมอกัน หรือยังไม่ได้ทาในส่วนที่เป็นซอกเป็นมุม จากนั้นเก็บรายละเอียดของงานให้ละเอียดของงานให้เรียบร้อย เท่านี้ก็จะได้บ้านที่ดูใหม่ และ
สดใสขึ้นโดยไม่ต้องมีการตกแต่งอะไรให้สิ้นเปลือง
9. การเก็บรักษาสี หากใช้สีไม่หมดแต่เหลือจำนวนสีไม่มาก และอยากเก็บสีไว้ใช้ต่อครั้งหน้า ควรจะเทสีใส่กระป๋องที่มีขนาดเล็กปิดฝาให้แน่น เพื่อป้องกันการแข็งตัวของสีบนพื้นผิว

ข้อเเตกต่างระหว่างการจติดตั้ง Wallpaper กับการทาสี
Wallpaper
วอลเปเปอร์เป็นที่นิยมทั่วโลก มีคนเคยพูด การตกแต่งผนังที่ง่าย เร็ว ใช้งบประมาณที่น้อยที่สุด คือการติดวอลเปเปอร์ เพราะการทำได้ง่ายกว่าการตกแต่งด้วยวัสดุอื่น
ช่วยให้ห้องนั้นสวยงาม มีชีวิตชีวา สร้างบรรยากาศ ให้ความหรูหรา สร้างคุณค่าให้กับผนัง ด้วยเวลาที่น้อยมากเมื่อเทียบกับการตกแต่งผนังด้วยวัสดุอื่น รวมทั้งราคาหรืองบประมาณที่ใช้จะถูกกว่าด้วยเช่นกัน
หลายประเทศนิยมมากกว่าการทาสี เนื่องจากการทาสีมีความยุ่งอยากตามที่กล่าวมา นอกจากนั้น การหาช่างก็ยุ่งยาก ค่าแรงก็ไม่น้อย หรือถ้างานน้อย ช่างก็ไม่รับ ต่างจากช่างติดวอลเปเปอร์ ที่ค่าแรงเริ่มต้น 1,000-1,500 บาท (สำหรับการติดวอลเปเปอร์ 1 ห้อง) หรืออาจไม่ถึงราคาที่ว่า ถ้าคุณติดทั้งหลัง ราคาต่อห้องอาจจะถูกกว่า
วอลเปเปอร์เป็นที่นิยมทั่วโลก มีคนเคยพูด การตกแต่งผนังที่ง่าย เร็ว ใช้งบประมาณที่น้อยที่สุด คือการติดวอลเปเปอร์ เพราะการทำได้ง่ายกว่าการตกแต่งด้วยวัสดุอื่น

การทาสี
การทาสี (ขอเน้นบ้านที่เข้าอยู่แล้วน่ะครับ) ข้้นตอนมีไม่น้อยอย่างที่คิดสำหรับการทาสี ผนังปูนเก่า-ปูนใหม่ มีขั้นตอนแตกต่างกัน ปูนเก่า ต้องทาลองพื้นก่อน ทาเสร็จต้องรอแห้งและรอเซ็ทตัว อาจต้องรอข้ามวัน ถ้าจะทาเลย สีเก่ากับสีใหม่จะไม่เกาะกัน ปูนใหม่ก็เช่นเดียวกัน ต้องทาสีรองพื้นอย่างน้อย 1 รอบ แล้วค่อยทาสีจริงอีกอย่างน้อย 3 รอบ ซึ่งเป็นตามขั้นตอนและวิธีที่ถูกต้อง แต่ถ้าจะเอาแค่พอได้ก็ว่ากันตามความถนัดและความเข้าใจ แต่สิ่งที่ตามมา เกิดขึ้นแน่นอนคือ หลังการทาสีก็คือกลิ่น ทาเสร็จอาจยังไม่สามารถใช้พื้นที่ได้ ต้องรอข้ามวันหรือมากกว่า ตามสถานการณ์และคุณภาพสีที่เลือกใช้ กว่าที่กลิ่นสีจะจาง ก็เป็นอีกปัญหาของการทาสี
อีกเรื่อง ขั้นตอนการทาสี ต้องเตรียมพื้นที่ หรือต้องเคลียพื้นที่ให้ดี ต้องระวังไปเปื้อนสิ่งที่อยู่ในห้องอย่างอื่น บางครั้งการระวังแล้วยังเกิดผิดพลาดได้ เพราะการทาสีบ้านหรือพื้นที่ที่เข้าอยู่แล้ว กับบ้านที่ยังไม่เข้าอยู่จะมีความต่างกัน ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆอาจเป็นอุปสรรคได้ ไม่ง่ายเสมอไป
ส่วนเรืองราคาของสี ทุกวันนี้ราคาก็ถือว่าค่อนข้างสูง เพราะสีเกรดดีๆ ถังนึงก็หลักพันบาท หรือถ้าเกรดดีขึ้นอีก ก็ยิ่งแพงตามเกรด (ราคาสวนทางกับวอลเปเปอร์ ที่นับวันยิ่งถูกกว่าเมื่อก่อน) แต่ถ้าใช้สีเกรดต่ำ อายุการใช้งานก็สั้นและยิ่งถ้าเป็นยี่ห้อสีโนเนมด้วย ไม่มานสีก็หลุดร่อน เอามือไปลูบอาจหลุดติดมือเหมือนแป้งก็เคยมี