วิธีการคำนวณ คือ นำจำนวนคน x 200 (ลิตร) x จำนวนวัน จะได้ปริมาณน้ำที่จะใช้ เช่น ในบ้านที่มีสมาชิก 4 คน จะเท่ากับ 4 x 200= 800 ลิตรต่อวัน และควรเผื่อฉุกเฉิน 2-3 วัน ดังนั้นถังน้ำสำหรับครอบครัว 4 คน จึงควรมีขนาด 1,500 -2,500 ลิตร
มาถึงการเลือกปั๊มน้ำกันแล้ว วันนี้เรานำมาฝาก 5 วิธีสำคัญสำหรับการเลือกปั๊มน้ำ
1. การเลือกกำลังวัตต์ปั๊มน้ำให้เหมาะสมกับการใช้งาน
หลายท่าคิดว่าการเลือกปั๊มน้ำต้องเลือกที่กำลังวัตต์สูง ๆ ไว้ก่อน ซึ่งแรงวัตต์สูงนั้นดีแต่ถ้าเกินความจำเป็นสำหรับบ้านที่มีจุดใช้น้ำน้อย ก่อนทำการตัดสินใจซื้อจึงต้องศึกษาคุณสมบัติของปั๊มน้ำให้เหมาะสมกับการใช้งานเป็นหลัก โดยพิจารณาจากปริมาณการใช้งานต่อวัน, จุดที่ใช้น้ำในบ้านทั้งหมดมีกี่จุด ทั้งในบ้านและนอกบ้าน, โอกาสและช่วงเวลาที่ใช้พร้อมกัน ประกอบกับความสูงของอาคาร แล้วค่อยนำ
2. ฟังก์ชันปรับแรงดันน้ำอัตโนมัติ ปั๊มน้ำอัตโนมัติมีหลัก ๆ 2 ประเภท คือ ปั๊มชนิดถังแรงดัน และปั๊มชนิดแรงดันคงที่ ทั้งสองแบบมีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกัน ดังนี้
ปั๊มน้ำชนิดถังแรงดัน ปั๊มน้ำทรงกระบอก การทำงานของปั๊มน้ำชนิดนี้จะใช้หลักการให้น้ำไปแทนที่อากาศ เพื่อใช้แรงดันของอากาศในปั๊มดันน้ำออกไปยังส่วนต่าง ๆ ของบ้าน ปั๊มน้ำชนิดนี้จะทนทาน ราคาถูก และอะไหล่หาง่าย แต่แรงดันน้ำจะไม่สม่ำเสมอ หากเปิดใช้งานพร้อมกันความแรงของน้ำแต่ละจุดอาจจะไม่เท่ากัน ปั๊มน้ำตัดการทำงานบ่อย ทำให้ต้องไล่เช็กลมและปล่อยน้ำอยู่เสมอ
ปั๊มน้ำชนิดแรงดันคงที่ ปั๊มน้ำทรงเหลี่ยม รูปร่างค่อนข้างสวยงามและทันสมัย การทำงานจะให้แรงดันน้ำสม่ำเสมอ หากรุ่นที่มีราคาสูงจะมีฟังก์ชั่นควบคุมน้ำอัจฉริยะ สามารถตรวจสอบแรงดันน้ำที่เปลี่ยนแปลงแบบอัตโนมัติ หรือตั้งแรงดันได้ตามต้องการ เหมาะสำหรับบ้านที่มีการใช้น้ำหลายจุด และอุปกรณ์ที่ต้องการแรงดันน้ำคงที่ เช่น เครื่องซักผ้า, เครื่องทำน้ำอุ่น และ Rain shower ข้อดีของปั๊มน้ำชนิดนี้คือ แรงดันน้ำคงที่ เสียงเบา ขนาดไม่ใหญ่ และประหยัดไฟฟ้ากว่า แต่แน่นอนว่าราคาค่อนข้างสูง
3. วัสดุของตัวถังของปั๊มน้ำ
ปั๊มน้ำเป็นอุปกรณ์ที่มักติดตั้งไว้ระดับพื้น มักได้รับผลกระทบจากแสงแดด ลมและฝน หากตัวถังผลิตจากวัสดุไม่มีคุณภาพจะทำให้ผุกร่อนง่ายและเกิดปัญหาถังรั่วตามรอยตะเข็บ อย่าลืมมองหารุ่นที่ตัวถังผลิตจากวัสดุที่มีความทนทาน ไม่เป็นสนิมหรือออกแบบไร้รอยเชื่อมต่อ เพื่อป้องกันการรั่วซึมตามตะเข็บ ทั้งนี้ควรเลือกปั๊มน้ำที่มีคุณสมบัติระบายความร้อนได้ดี เพื่อยืดอายุการใช้งานของตัวมอเตอร์ ซึ่งในบางรุ่นจะมีพัดลมระบายความร้อนในเครื่อง แต่ปั๊มน้ำอัตโนมัติบางรุ่นได้ออกแบบการระบายความร้อนด้วยน้ำหรือใช้มอเตอร์แบบแม่เหล็กถาวร จึงไม่จำเป็นต้องมีพัดลมระบายความร้อน
4. ควรมีระบบตรวจสอบความผิดปกติของน้ำ เครื่องปั๊มน้ำที่ดีควรมีเครื่องหมาย มอก. รับรอง พร้อมเทคโนโลยีระบบตรวจสอบความผิดปกติและตัดการทำงานอัตโนมัติ อาทิ การป้องกันแรงดันเกินจากท่อประปาที่ส่งน้ำมาแรงเกิน มีเซนเซอร์แจ้งเตือนกรณีน้ำแห้งหรือน้ำขาด (Dry-running protection) และกรณีท่อรั่ว ปิดวาล์วน้ำไม่สนิท ปั๊มน้ำจะส่งสัญญาณแจ้งเตือนหน้าตัวเครื่อง พร้อมกับปิดการทำงานให้อัตโนมัติ เพื่อป้องกันด้านความปลอดภัยและแจ้งให้ผู้ใช้ทราบได้ว่ามีจุดรั่วไหล
5. ปั๊มน้ำเสียงเงียบหลับสบายไม่สะดุ้งกลางดึกปั๊มน้ำทั่วไปจะมีเสียงดังทุกครั้งที่มีการเปิดใช้น้ำ ระดับเสียงจะอยู่ที่ 50-60 เดซิเบล ซึ่งไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพกาย แต่อาจรบกวนสุขภาพจิตของคนในบ้านและเพื่อนบ้านได้ แนะนำให้มองหาปั๊มน้ำอัตโนมัติระบบ Inverter ที่นอกจากช่วยประหยัดค่าไฟแล้ว การทำงานยังเงียบ บางรุ่นมีระดับเสียงเท่า ๆ กับที่เราคุยกันปกติหรือประมาณ 45 เดซิเบล ช่วยลดมลพิษทางเสียงไปได้ค่อนข้างมากเลยครับ
ปั๊มกับขนาดของน้ำ 1. บ้านไม่เกิน 4 ชั้น ใช้น้ำพร้อมกัน 3 จุด + เครื่องทำน้ำอุ่น 2 เครื่อง = 300 วัตต์ 2. บ้านไม่เกิน 4 ชั้น ใช้น้ำพร้อมกัน 3 จุด + เครื่องทำน้ำอุ่น 1 เครื่อง = 250 วัตต์ 3. บ้านไม่เกิน 3 ชั้น ใช้น้ำพร้อมกัน 2 จุด + เครื่องทำน้ำอุ่น 1 เครื่อง = 200 วัตต์ 4. บ้านไม่เกิน 2 ชั้น ใช้น้ำพร้อมกัน 2 จุด + เครื่องทำน้ำอุ่น 1 เครื่อง = 150 วัตต์ 5. บ้านไม่เกิน 2 ชั้น ใช้น้ำพร้อมกัน 2 = 100 วัตต์ ้เป็นยังไงกันบ้างค่ะพอจะได้แนวทางการเลือกปั๊มน้ำไปติดตั้งในบ้านของทุกคนไหมคะ บ้านคือสิ่งสำคัญเรามาเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้บ้านของเรากันค่ะ ทุกคนได้นำไปใช้แล้วได้ผลยังไงกลับมาเม้ามอยกันได้นะคะ